ในเดือนมีนาคม 2025 จู่ ๆ ก็มีคำอยู่คำหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาบนโลกออนไลน์ในแวดวงธุรกิจ/นักพัฒนาซอฟต์แวร์ นั่นก็คือคำว่า “Vibe Coding”
ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Vibe Coding กัน
Vibe Coding คืออะไร?
Vibe Coding คือการใช้ภาษามนุษย์ในการสั่ง Agentic AI ให้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้ครับ จากที่เมื่อก่อน นักพัฒนาต้องเขียนโค้ดด้วยภาษาเขียนโปรแกรมอย่าง Python, Javascript แต่ Vibe Coding เราสามารถเขียนโปรแกรมได้ด้วยภาษาปกติที่เราใช้พูดคุยกันเช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ได้เลย
จุดเริ่มต้นของคำนี้เกิดจาก Andrej Karpathy ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ได้โพสต์บน X เกี่ยวกับ Vibe Coding ว่ามีการเขียนโค้ดแบบใหม่ที่เขาเองเรียกว่า “Vibe Coding” เพราะว่าเดี๋ยวนี้ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) เก่งขึ้นมาก
ตัวอย่างซอฟต์แวร์ Vibe Coding
ตอนนี้มีแพลตฟอร์มหลายเจ้าที่ให้บริการ AI เขียนโค้ด ซึ่งมีความสามารถแตกต่างกันไป ผมขอแบ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ออกเป็น 2 ประเภทนะครับ
ประเภทที่ 1: แพลตฟอร์มสร้างซอฟต์แวร์สำหรับผู้เขียนโค้ดไม่เป็น
แพลตฟอร์มลักษณะสำหรับผู้ที่เขียนโค้ดไม่เป็นเลย แต่มีไอเดียสร้างซอฟต์แวร์ ก็สามารถเขียนพรอมต์แล้วให้ AI agent สร้างซอฟต์แวร์ทั้งอันได้เลย
แต่จริง ๆ แล้วนักพัฒนาก็สามารถใช้แพลตฟอร์มพวกนี้สร้าง Frontend ได้ แต่อาจจะมีปัญหาในการทำ Backend ครับ
ตัวอย่าง
ประเภทที่ 2: ตัวช่วยเขียนโค้ดสำหรับนักพัฒนา
AI พวกนี้จะเข้าไปแก้ไขโค้ด จึงเหมาะกับนักพัฒนาที่เขียนโค้ดเป็น แต่ต้องการทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น เหมาะสำหรับต้องการเขียนโค้ด Backend หรือเชื่อมต่อกับ API ต่าง ๆ
ตัวอย่าง
ข้อดีของ Vibe Coding
- เปิดโอกาสให้ทุกคนสร้างแอปหรือโปรแกรมได้ แม้ไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ด
- ช่วยให้ทีมเล็กพัฒนาไอเดียได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอจ้างทีมใหญ่
- สามารถสร้าง Prototype ได้เร็ว ทำให้สามารถทดสอบตลาดได้เร็ว
ข้อจำกัดของ Vibe Coding
แม้ Vibe Coding จะน่าสนใจ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่หลายคนต้องระวัง:
- โค้ดที่ AI สร้างอาจไม่เหมาะกับการใช้งานในระยะยาว หรือเชิงพาณิชย์
- หากไม่เข้าใจโค้ดที่ได้ อาจเปิดช่องให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
- การเร่งสร้างโปรแกรม อาจทำให้เกิด “หนี้เทคโนโลยี” ที่ยากจะแก้ทีหลัง
- บางครั้ง AI ก็ไม่สามารถอธิบายหรือแก้ไขปัญหาได้เหมือนมนุษย์
นักพัฒนาจะตกงานมั้ย?
หากมีการ Vibe Coding กันมากขึ้น บทบาทของนักพัฒนาซอฟต์แวร์อาจจะเปลี่ยนจากการเขียนโค้ดทีละบรรทัด เป็นการออกแบบระบบโดยภาพรวม คิดแก้ปัญหา และตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดที่สร้างขึ้นโดย AI แทน ซึ่งผมมองว่าในระยะอันใกล้นี้ AI จะทำให้นักพัฒนาทำงานง่ายขึ้น ลดความจำเจ แต่มันจะไม่ได้มาแทนที่นักพัฒนาครับ สุดท้ายก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่สามารถคิดได้ซับซ้อน และเป็นผู้ป้อนงานให้ AI อยู่ดี